สองหื่นเดนนรก บขส.่รุมโทรมหญิงวัย 15

สองแม่ลูกรถหมดคิวกลับบ้านต่างอำเภอฯ สองเดนนรกแสร้งเป็นผู้มีน้ำใจงามชวนนอนค้างบนรถรอกลับช่วงเช้าสองแม่ลูกตายใน พอตกดึกขอร่วมประเวณีกับลูกสาวอย่างหน้าด้านๆ ขู่ถ้าขัดขืนหรือร้องให้คนช่วยจะฆ่าทิ้งทั้งสอง แล้วก็กระซากไปข่มขืนต่อหน้าแม่แม้อ้อนวอนด้วยน้ำตานองหน้าก็ไม่เป็นผล เสร็จกิจแม่หนีได้ร้องให้คนช่วยดวงซวยหนีได้หนึ่ง เหลือหนึ่งถูกรุมประชาทัณฑ์ในสภาพซีเปลือยปางตาย

เหตุอัปยศจากพฤติการณ์ของสองหื่นเดนนรกในคราบของโซเฟอร์รถกับเด็กร่วม บขส.ของบริษัทแสงประทีปทัวร์ จำกัด ซึ่งเป็นรถประจำทางระหว่างนครพนม - กรุงเทพฯ ได้เปิดเผยพฤติการณ์เลวขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 13 กันยายน ศกนี้ ในขณะที่ ร.ต.อ.ปรียะวัฒน์ พุฒศิริวัชรวิทย์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งฯว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งถูกข่มขืนภายในรถโดยสารที่ลานจอดรถสถานีขนส่งจังหวัดฯ จึงได้นำกำลังรุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่อช่วยตรวจสอบ เมื่อไปถึงก็ได้พบกลุ่มชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังรวมบาทารุมประชาทัณฑ์ชายชีเปลือยคนหนึ่งจึงได้เข้าไปห้ามปราม แล้วก็เดินเข้าไปที่ชายคนนั้นยังนอนสลบอยู่ พอจวนถึงชายคนนั้นก็แสดงสันดานของสุนัขจิ้งจอกลุกวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา ใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าป่าหลังวัดอรัญญิกาวาส ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านก็ไล่ตามทันทีเช่นกันและก็จับได้โดยละม่อม สภาพหน้าตาบวมปูดฟันหน้าหัก 4 ซี่ ฟกซ้ำไปทั้งตัว เจ้าหน้าที่จึงพาไปหาเสื้อผ้าใส่แล้วนำตัวไปโรงพยาบาลนครพนมเพื่อรักษาก่อนนำตัวไปสอบสวน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้หิ้วปีกได้หื่นเดนนรกไปสอบสวนที่ สภ.อ.เมืองนครพนม จึงทราบว่าชื่อนายอดิศักดิ์ มาลาหอม อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 ต.เชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นพนักงานประจำรถร่วมสีส้ม ของบริษัทแสงประทีปทัวร์ จำกัด หมายเลขทะเบียน 10-0556 ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันกับที่ได้ใช้เป็นสถานที่ข่มขืน น.ส.ดา (นามสมมติ) ส่วนคนขับที่ได้วิ่งหลบหนีไปแล้วนั้นชื่อนายสุรพงษ์ เขจอนศาสตร์ อายุ 35 ปี และนายอดิศักดิ์ยังได้กล่าวสารภาพอีกว่า "ตนกับนายสุรพงษ์ได้ข่มขืนหญิงสาวแบบเดียวกันนี้จนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะหญิงสาวจากประเทศเพื่อนบ้านที่หลบหนีเข้าเมืองฯ เพราะเพียงแต่ตนขู่ว่าจะแจ้งตำรวจให้ตรวจบัตรประชาชนเท่านั้นนตนก็ได้หลับนอนด้วยแล้ว" จากพฤติการณ์เลวดังกล่าวมานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ฝากประกาศให้หญิงสาวคนใดที่เคยตกเป็นเหยื่อของไอ้หื่นนรกคู่นี้ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเพิ่มโทษให้มากขึ้นสาสมกับความชั่วที่มันได้ก่อไว้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดกำลังติดตามตัวนาย

สุรพงษ์ที่วิ่งหลบหนีไปได้อย่างรีบเร่งเพื่อจะได้ให้มารับกรรมจากการหื่นโหดให้สาสมต่อไป

สสำหรับผู้เสียหายคือนางผาง (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ราษฎรในเขต อ.ปลาปาก จ.นครพนม ได้เปิดเผยว่า "ตนกับลูกสาวได้ไปทำงานรับจ้างที่จังหวัดจันทบุรีและได้นั่งรถโดยสารร่วมกับผู้โดยสารที่รถคันดังกล่าวเพื่อกลับมาเยี่ยมบ้าน เมื่อเข้าเขตจังหวัดนครพนมคนโดยสารก็ทยอยลงบ้านใครบ้านมันไปหมดจึงเหลือแต่ตนกับลูกสาวและ น.ส.แก้วอีกคนหนึ่งที่มาลงที่สถานีขนส่งฯ และก็เป็นเวลาหมดรถที่จะกลับบ้านแล้ว ครั้นจะไปนอนที่โรงแรมก็คิดว่าเสียเงินเปล่าเพราะจวนจะสว่างแล้ว ทันใดนั้นทั้งสองชายคือนายสุรพงษ์และนายอดิศักดิ์ก็ได้เอ่ยขึ้นว่า "นอนพักผ่อนรอรถกลับพรุ่งนี้ที่รถนี้ละจวนจะสว่างแล้วและไม่ต้องเสียเงินค่าโรงแรมด้วย ซึ่งเมื่อคิดกันแล้วก็เป็นการสมควรพวกตนทั้งสามจึงได้ตอบตกลงนอนพักผ่อนที่รถ"

แต่พอประมาณเวลา 01.30 น. บุคคลทั้งสองได้ติดเครื่องรถซึ่งทำให้พวกตนสงสัยจึงถามว่า "จะไปไหน " นายอดิศักดิ์ไม่ตอบแต่ไปล็อกประตูหน้าต่างทุกบาน พร้อมกับทั้งสองได้ขู่ว่าอย่าร้องให้ใครช่วยนะอยู่เฉย ๆ ถ้าขืนร้องจะฆ่าให้ตายทั้งหมด หลังจากนั้นนายสุรพงษ์ก็ได้ขับรถไปรอบเมืองดูเหมือนจะหาที่จอดแต่ไม่จอด จู่ ๆ ก็วกกลับมาที่เดิม ในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ระหว่างทาง น.ส.แก้ว ได้วิ่งไปเปิดประตูหลังเปิดออกแล้วกระโดดหนีไปทิ้งให้ตนกับลูกสาวต้องเผชิญกับความโหดของสองหื่นเดนนรกตามลำพัง และเมื่อโดดรถหนีไปแล้วก็ไม่ได้แจ้งหรือบอกกล่าวให้ใครมาช่วยเหลือพวกตนกับลูกเลยช่างไม่มีน้ำใจเป็นธรรมเลยทั้ง ๆ ที่ตนก็ย่อมรู้ดีว่าต่อไปจากที่ตนประสบมาอะไรมันจะเกิดขึ้นช่างไร้มนุษยธรรมจริง ๆ นางผางกล่าว

และต่อมานางผางยังเล่าต่ออีกว่า "เมื่อนายสุรพงษ์เลี้ยวรถเข้าไปจอดข้างหลังสถานีขนส่งที่มีมุมมืดที่สุดแล้ว นายอดิศักดิ์ก็ยืนคุมประตูและตนไว้และบอกให้อยู่นิ่งๆ ส่วนนายสุรพงษ์ก็เอ่ยปากขอร่วมประเวณีกับ น.ส.ดา (นามสมมติ) ลูกสาวตน ซึ่งตนก็อ้อนวอนด้วยน้ำตานองหน้าว่า "ลูกสาวยังเป็นเด็กอยู่" แต่นายสุรพงษ์ไม่ฟังเสียงตรงเข้าไปฉุดกระซาก น.ส.ดาไปที่เบาะรถแล้วก็ทำการปลุกปล้ำเพื่อข่มขืนต่อหน้าตนที่อยู่ห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำและได้ขู่ตนให้ฟุบหน้ากับเบาะรถอย่ามอง เมื่อตนได้ยินเสียงลูกสาวร้องให้ขอความช่วยเหลือจากการกระทำของสองหื่นจากนรกที่สับเปลี่ยนกันข่มขืนจนเลือดออกเต็มลำตัวลูกสาวตนเมื่อมองเห็นปริมใจจะขาดเพราะสงสารลูก ทั้งยกมือไหว้ปากก็พร่ำขอความกรุณา แต่สองเดนนรกไม่ยอมฟังเสียงแถมขู่ตระคอกให้อีกด้วย จึงได้แต่กล้ำกลืนน้ำตารอจนสองเดนนรกสำเร็จกิจ ตนจึงออกอุบายขอร้องให้พาลูกสาวของตนไปล้างเพื่อทำความสะอาดที่ห้องน้ำด้วย และพูดาขึ้นอีกว่าเตื่องนี้ตนจะไม่แจ้งความหร๊อก

ครั้นเมื่อไปถึงห้องน้ำนายอดิศักดิ์เผลอตนจึงวิ่งไปร้องไปขอความช่วยเหลือ ส่วนนายสุรพงษ์ก็วิ่งไล่ตตามตนไม่ทัน และเมื่อคนที่รวมกลุ่มกันอยู่ที่ดักผับได้วิ่งมาเพราะได้ยินเสียงร้องของตน นายสุรพงษ์ก็ได้วิ่งกลับแล้วหนีไปได้ ส่วนนายอดิศักดิ์ยังยืนอยู่หน้าห้องน้ำเพื่อคุมเชิงลูกสาวตนอยู่และยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าตนจึงชี้ให้กลุ่มที่มาช่วยเหลือ หลังจากนั้นนายอดิศักดิ์ก็ถูกประชาทัณฑ์ปางตาย ส่วนตนและลูกสาวเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วก็ถูกนำตัวไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนลูกสาวได้รับความบอบซ้ำมากทั้งกายและใจส่วนกายอวัยวะเพศฉีกขาดเย็บถึง 4 เข็ม เลือดไหลออกเทือกไปทั้งสองขาหนีบ เรื่องนี้ตนจะไม่ยอมถึงไหนถึงกันขอให้ไอ้หื่นเดนนรกทั้งสองติดคุกหรือประหารชีวิตได้ยิ่งดี นางผางพร่ำกล่าวด้วยความแค้นใจในที่สุด

เกี่ยวกับเรื่องเดียวกันนี้เมื่อวันที่ 15 กันยายน ศกนี้ เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วม 100 คน ไ ด้นำตัวนายอดิศักดิ์ มาลาหอม หื่นเดนนรกคนดังกล่าวไปทำแผนประกอบคำสารภาพ ณ สถานีขนส่งจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ท่ามกลางประชาชนที่ไปมุงดูนับพันคน และต่างก็สาปแซ่งก่นด่าด้วยความเกลียดชังด้วยสำเนียงต่าง ๆ นานา หวิดจะโดนประชาทัณฑ์หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีกำลังพอ

กลับหน้า1